ประวัติ กีฬาเปตอง

ประวัติ กีฬาเปตอง  เปตองเป็นกีฬาอีกชนิดหนึ่งที่เรารู้จักกันดี และนิยมเล่นกันแพร่หลายทั่วทุกภาคของประเทศไทย เพราะกีฬาเปตองได้แพร่ระบาดในระบบการศึกษาของไทย จากการได้รับคัดเลือกให้เป็นกิจกรรมนันทนาการในสถาบันการศึกษา ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่างๆ ถือว่ากิจกรรมเปตองเป็นกิจกรรมกีฬาและกิจกรรมนันทนาการ เพื่อส่งเสริมความสามัคคีและลดความเครียดจากภารกิจ หน้าที่การงานดีมาก ด้วยเหตุนี้กีฬานี้จึงเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเราจึงมีประวัติและกฎกติกาในการเล่นเปตองด้วยกัน แต่จะมีอะไรบ้างนั้นเรามาดูกัน

เปตองเป็นกีฬากลางแจ้งประเภทหนึ่งที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ประวัติที่แน่นอนจะไม่ถูกบันทึก แต่มีหลักฐานจากเรื่องราวที่สืบเนื่องมาว่าเกิดขึ้นครั้งแรกในกรีซประมาณ 2000 ปีก่อนคริสตกาล โดยรวบรวมหินกลมจากภูเขาและใต้ทะเลมาเล่นด้วยกัน ต่อมากีฬาเปตองก็แพร่หลายไปทั่วยุโรป เมื่อจักรวรรดิโรมันประสบความสำเร็จและพิชิตดินแดนของชาวกรีก ชาวโรมันใช้กีฬานี้เป็นการทดสอบความแข็งแรงและความแข็งแรงของข้อมือของผู้ชาย ประวัติ ของ เปตอง

เมื่อจักรวรรดิโรมันเข้ายึดครองดินแดน The Gauls หรือฝรั่งเศสในปัจจุบัน ชาวโรมันได้นำเกมบอลประเภทนี้มาสู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เกมกระทิงได้รับการพัฒนาโดยเปลี่ยนไปใช้ไม้เนื้อแข็งเป็นรูปทรงกลม แล้วใช้ตะปูตอกไปรอบๆ เพื่อเพิ่มน้ำหนักตัวให้ลูกพอดีกับมือ ในยุคกลาง นี่เป็นละครที่ได้รับความนิยมในฝรั่งเศส ในรัชสมัยของนโปเลียนมหาราช พระองค์ทรงประกาศว่าการสู้วัวกระทิงเป็นกีฬาประจำชาติของฝรั่งเศส และเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เล่น เกมของวัวตัวนี้ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมีการร้องขอชื่อกีฬาประเภทนี้ในหลายๆ ด้าน เช่น Bullre-Rotron, Bulliones, Boo. Luger Durlong และ Blue-Provinçal, ท่ามกลางคนอื่น ๆ ประวัติ กีฬา เปตอง

ในที่สุดฝรั่งเศสได้ก่อตั้ง “สหพันธ์เปตองและโปรวองซ์ซาล” ขึ้นในปี 2481 จากนั้นจำนวนสมาชิกก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีคนทุกระดับและทุกเพศ เข้าร่วมทุกวัย ลูกบอลบูลส์ที่เคยเล่นถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อให้ทำจากลูกเหล็กโลหะผสมกลวงภายในทำให้เกมสนุกและน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เกม Bull-Provencesal เวอร์ชันปรับปรุงนี้ได้รับความนิยมและแพร่กระจายไปยังเมืองต่างๆ ทั่วฝรั่งเศสอย่างรวดเร็ว รวมทั้งดินแดนอาณานิคมของฝรั่งเศสด้วย ประวัติ และ กติกา เปตอง

ประวัติ กีฬาเปตอง ในประเทศไทย

ประวัติ กีฬาเปตอง กีฬาเปตองเริ่มเข้ามาในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2518 ด้วยความคิดริเริ่มของนายชาญ โพธิ์หาน ผู้บุกเบิก และนำกีฬาเปตองมาเผยแพร่ความรู้อย่างเป็นทางการครั้งแรก แต่ในขณะนั้นยังขาดอุปกรณ์ในการเล่นเปตอง (Bullet) จึงปรึกษาหารือและเกลี้ยกล่อมนายดนัย นักธุรกิจดังในสมัยนั้น เป็นนักลงทุนที่สั่งซื้อลูกเปตองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายในประเทศไทย

แต่เปตองเป็นกีฬารูปแบบใหม่ในประเทศไทย ก็ยังมีความคุ้นเคยอยู่บ้างที่ทำให้ลูกเปตองไม่ขาย แต่นายดนัย ผู้มีสายตายาว เห็นประโยชน์และความสำคัญของกีฬาเปตอง จึงแจกจ่ายให้กับหน่วยงานราชการ ทหาร ตำรวจ ตลอดจนภาคเอกชนที่สนใจโดยทั่วไป เพื่อที่จะชวนให้หันไปเล่นกีฬาประเภทนี้บ้าง

ต่อมานายชาญนำเรื่องนี้มาปรึกษากับนายศรีภูมิ สุขเนตร อดีตนักศึกษาฝรั่งเศส แจ้งความเก่งกาจของกีฬาเปตองอีกด้วย และอีกอันยังไม่มีชื่อ ได้ร่วมกันก่อตั้งสมาคมเปตองและโปรวังสาลแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2519 โดยมีนายศรีภูมิ สุขเนตร เป็นนายกสมาคมคนแรก แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะยังขาดแรงสนับสนุนจนคิดว่าจะเลิกตั้งใจพิมพ์ต่อ ประวัติ เปตอง ไทย

แต่ต่อมาเมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ณ ห้วยหลวงดำ จังหวัดอุดรธานี ในปี พ.ศ. 2521 นายชาญได้นำอุปกรณ์กีฬาเปตองมาแนะนำขณะเล่นให้ข้าราชบริพาร และเขาก็มีความสุขมาก ออกคำสั่งว่า “เขาเล่นกีฬานี้มาตั้งแต่อายุ 30 กว่าปี เปตองมีประโยชน์มากทั้งการออกกำลังกายร่างกายเพื่อสุขภาพที่ดี และสร้างความสามัคคีในหมู่คณะซึ่งเป็นประโยชน์แก่คนไทยมากมาย ขอให้นายชาญ โพธิ์หาน ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ทรงเลื่อนยศและเผยแผ่ไปในทางอื่น” เปตองเกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศใด

ดังนั้น เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2527 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดสมาคมเปตองและโปรวังสาลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2530 ได้เปลี่ยนชื่อสมาคมเปตองและโปรวังสาลเป็น “เปตอง” สหพันธ์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ได้แก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับสหพันธ์ฯ เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นสหพันธ์เปตองแห่งประเทศไทย “สมาคมเปตองแห่งประเทศไทย” เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2543 และได้รับการรับรองจากการกีฬาแห่งประเทศไทย สนับสนุนงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนสมาคมจากรัฐบาลตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นไป และเข้าร่วมเป็นสหพันธ์เปตองนานาชาติ เป็นประเทศที่ 17 ของโลก

วิธีเล่นเปตอง

เปตองเป็นกีฬาที่เล่นได้ทุกสนาม ยกเว้นพื้นคอนกรีตและพื้นไม้และพื้นสนามหญ้าโดยมีคณะกรรมการจัดการแข่งขันหรือกรรมการเป็นผู้ตัดสิน ผู้เล่นทุกคนต้องลงเล่นในสนามที่กำหนดสำหรับการแข่งขันชิงแชมป์ระดับประเทศและระดับนานาชาติ โดยสนามต้องมีความกว้างอย่างน้อย 3.50 ม. และยาว 13 ม. . แต่ขนาดมาตรฐานคือ 4 เมตรคูณ 15 เมตร หนึ่งเกมต้องใช้ 13 คะแนน สำหรับเกมในรอบแรกและรอบต่อไป (ใช้ได้เพียง 11 คะแนน) 15 คะแนนใช้สำหรับรอบชิงชนะเลิศระดับนานาชาติหรือระดับประเทศประวัติ กีฬาเปตอง

ผู้เล่นทุกคนต้องเข้าสู่สนามแข่งขันภายในเวลาที่กำหนด เพื่อเสี่ยงว่าฝ่ายไหนจะโยนเป้าหมาย

  • ผู้เล่นคนใดในทีมที่เป็นผู้ชนะความเสี่ยงคือผู้ขว้างบอลไปที่เป้าหมาย เมื่อโยนแล้ว ให้เลือกจุดเริ่มต้น จากนั้นวาดวงกลมบนพื้นซึ่งใหญ่พอให้เท้าทั้งสองยืนได้ (เส้นผ่านศูนย์กลางระหว่าง 0.35-0.50 ม.) วงกลมต้องอยู่ห่างจากสิ่งกีดขวางและแนวคอร์ทอย่างน้อย 1 ม. วงกลมจะต้องวาดในระยะไม่น้อยกว่า 2 เมตรจากวงกลมของสนามอื่น
  • คนที่เตรียมเล่นต้องอยู่ในวงกลม ไม่ได้มองหาเส้นรอบวง อย่ายกเท้าขึ้นจากพื้น และอย่าออกจากวงกลมก่อนที่ลูกบอลจะตกลงสู่พื้น ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายไม่สามารถสัมผัสได้นอกวงกลมยกเว้นสำหรับผู้พิการ โดยกรณีพิเศษอนุญาตให้วางเท้าข้างหนึ่งเป็นวงกลม ส่วนนักกีฬาพิการที่ต้องนั่งรถเข็นสามารถวาดวงกลมรอบวงล้อของรถเข็นได้ และที่วางเท้าของรถเข็นต้องสูงเหนือขอบวงกลม
  • ผู้เล่นคนใดในทีมขว้างเป้าหมาย ไม่จำเป็นต้องโยนลูกแรกเสมอไป ประวัติ ความ เป็น มา ของ เปตอง
  • ในกรณีที่สนามเสีย (เสียหาย) ผู้เล่นจะถูกห้ามไม่ให้ตกลงกันเองเพื่อแข่งขันในสนามอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ตัดสิน

ลูกที่ขว้างไปแล้วถือว่าดี ต้องมีกติกาดังนี้

  • มีระยะห่างระหว่างขอบของวงกลมใกล้กับเป้าหมายมากที่สุด
  • ไม่น้อยกว่า 4 เมตร และไม่เกิน 8 เมตร สำหรับเด็กเล็ก (อายุต่ำกว่า 12 ปี)
  • ไม่น้อยกว่า 5 เมตร และไม่เกิน 9 เมตร สำหรับเด็กเล็ก (อายุไม่เกิน 13-14 ปี)
  • ไม่น้อยกว่า 6 เมตร และไม่เกิน 10 เมตร สำหรับเยาวชน (15-17 ปี)
  • ผู้ใหญ่ไม่น้อยกว่า 6 เมตร และไม่เกิน 10 เมตร (ไม่จำกัดอายุ)

ห่วงต้องอยู่ห่างจากสิ่งกีดขวางและเส้นเขต หรือผิดเส้นไม่น้อยกว่าหนึ่งเมตร ตำแหน่งของลูกเป้าหมายต้องอยู่ห่างจากสิ่งกีดขวางต่าง ๆ และเส้นเขตอย่างน้อยหนึ่งเมตร เป้าหมายต้องอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจน ขณะยืนเป็นวงกลม (กรณีมีข้อพิพาทให้กรรมการเป็นผู้ชี้ขาด) เมื่อขว้างบอลในทริปถัดไป ให้วาดวงกลมรอบจุดของบอลเป้าหมายในทริปที่แล้ว ยกเว้นในกรณีต่อไปนี้ ประวัติกีฬาเปตอง

  • วงกลมอยู่ห่างจากสิ่งกีดขวางและเส้นเขตน้อยกว่า 1 เมตร ในกรณีนี้ ผู้เล่นต้องดึงวงกลมออกจากสิ่งกีดขวางและเส้นเขตที่กำหนดโดยกฎ
  • ไม่สามารถโยนลูกบอลเป้าหมายภายในระยะทางที่กำหนดโดยกฎ แม้จะโยนไปในทิศทางใดก็ตาม ในกรณีนี้ ผู้เล่นสามารถสลับทางตรง (ตั้งฉาก) จากตำแหน่งเดิมของลูกเป้าหมายในทริปที่แล้ว อย่างไรก็ตาม วงกลมนั้นไม่สามารถย้อนกลับไปไกลเกินระยะขว้างได้ ตามกติกาที่กำหนด ให้นับจากเส้นบนสุดของเส้นบอลถึงขอบที่ใกล้ที่สุดของวงกลม (หากไม่มีเส้นฟาล์วให้นับจากเส้นบนถึงขอบวงกลมไม่เกิน 11 เมตร)
  • ลูกเป้าหมายอยู่ในระยะขว้างหรือเล่น แต่ผู้เล่นที่มีสิทธิ์โยนเป้าหมายไม่ต้องการเล่นในระยะนั้น ในกรณีนี้ ผู้เล่นสามารถย้อนกลับเป็นเส้นตรง (ตั้งฉาก) จากตำแหน่งเดิมของลูกบอลในเป้าหมายในการเดินทางครั้งสุดท้าย ตามต้องการ โดยมีเงื่อนไขว่าวงกลมต้องไม่เกินระยะโยนที่กำหนดโดยกติกา จากเส้นบนสุดของเส้นฟาล์ว (เส้นบอลตาย) ถึงขอบที่ใกล้ที่สุดของวงกลม (หากไม่มีเส้นฟาล์วให้นับจากเส้นบนถึงขอบวงกลมไม่เกิน 11 เมตร)
  • ผู้เล่นทีมเดียวกันขว้างเป้า 3 ครั้งก็ยังไม่ดีตามกติกา เขาต้องเปลี่ยนผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามให้เป็นผู้โยนที่มีสิทธิ์โยน 3 ครั้งด้วย และอาจเคลื่อนวงกลมกลับไปเป็นเส้นตรง (ตั้งฉาก) แต่วงกลมจะไม่ย้อนกลับภายในระยะโยน ตามกติกา ให้นับจากเส้นบนสุดของเส้นบอลตายถึงขอบที่ใกล้ที่สุดของวงกลม (ถ้าไม่ผิดเส้นควรนับจากเส้นบนสุดของศาล

การวัดระยะและการวัดคะแนน

  1. ในการให้คะแนน อนุญาตให้โอนบอลที่เกี่ยวข้องได้ แต่ต้องทำเครื่องหมายตำแหน่งของลูกบอลก่อนการโอน เมื่อการให้คะแนนเสร็จสิ้น ให้วางทุกอย่างที่ย้ายไปยังตำแหน่งเดิม หากไม่สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวางที่เป็นปัญหาได้ ให้ใช้เข็มทิศวัดประวัติ กีฬาเปตอง
  2. เพื่อวัดคะแนนระหว่างลูกเปตองสองลูกที่ใกล้เคียงกันมาก ผู้เล่นคนหนึ่งได้วัดไปแล้ว และบอกว่าเขาทำได้ ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามมีสิทธิ์เข้าวัดอีกครั้ง เพื่อความแน่นอนและถูกต้อง (อุปกรณ์วัดต้องเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ห้ามวัดโดยนับระยะเท้า) เมื่อทั้งสองฝ่ายได้คะแนนหลายครั้งแล้วยังไม่มีการตกลงกัน ผู้ตัดสินจะต้องเป็นผู้ชี้ขาด และการตัดสินถือเป็นที่สิ้นสุด และหากผู้เล่นเป็นฝ่ายละเมิดกฎนี้ ผู้ตัดสินจะเตือนหนึ่งครั้ง หากยังฝ่าฝืนอีกจะถือว่าแพ้
  3. เมื่อสิ้นสุดการแข่งขันแต่ละครั้ง ลูกบอลทั้งหมดที่ถอดออกก่อนการให้คะแนนจะถูกวัด จะถือว่าฟาวล์และไม่มีสิทธิคัดค้าน
  4. หากผู้เล่นคนใดคนหนึ่งได้วัดคะแนนเพื่อทำลูกบอลในเป้าหมายหรือเปตองที่มีปัญหาในการเคลื่อนที่ จะต้องเป็นฝ่ายที่เสียแต้มนั้นและทุกการวัดจะต้องวัดจากผู้เล่นของทีมที่ก่อให้เกิด ปัญหาของลูกเปตองที่จะวัดทุกครั้ง สำหรับการวัดคะแนนแต่ละครั้ง ก่อนทำการวัด ผู้ตัดสินต้องทำนายก่อนว่าลูกไหนได้เปรียบและได้วัดไปแล้วหรือไม่ หากผู้ตัดสินทำให้เปตองหรือลูกบอลเคลื่อนที่โดยไม่ได้ตั้งใจ ผู้ตัดสินจะต้องวัดอีกครั้ง และหลังจากการตรวจวัด ปรากฏว่าลูกที่ควรชนะยังคงชนะ กรรมการตัดสินจริง ๆ ว่าการวัดใหม่แสดงให้เห็นว่าลูกบอลที่ควรจะชนะนั้นหายไป ให้ผู้พิพากษาตัดสินด้วยความยุติธรรม
  5. ในกรณีที่ลูกบอลของทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างจากลูกบอลเท่ากันหรืออยู่ใกล้ทั้งสองลูก ให้ปฏิบัติตามกฎต่อไปนี้:
  6. ถ้าทั้งสองฝ่ายหมดบอลในเกม เกมจะถือเป็นโมฆะ พวกเขาจะต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในฝั่งตรงข้ามจากผู้เล่นที่ทำคะแนนได้ในทริปที่แล้ว เป็นผู้ขว้างเป้
  7. หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเหลือลูกเปตองเพียงลูกเดียว ฝ่ายต้องเล่นจนกว่าลูกบอลจะหมดเพื่อทำคะแนนเพิ่มเติมตามจำนวนลูกที่ใกล้เคียงที่สุดกับเป้าหมาย
  8. ถ้าทั้งสองฝ่ายยังมีบอลเหลืออยู่ ฝ่ายที่โยนลูกต่อไปจะต้องเป็นฝ่ายที่เล่นลูกต่อไป ถ้าทั้งสองข้างของลูกเปตองยังเท่ากัน อีกฝ่ายจะต้องเปลี่ยนเป็นผู้เล่นและต้องโยนคนละ 1 ลูกสลับกันจนกว่าแต่ละฝ่ายจะทำคะแนนได้และเล่นต่อไปได้ตามปกติ
  9. หากมีสิ่งใดติดอยู่กับลูกเปตองหรือลูกเปตอง จะต้องนำออกก่อนแต่ละคะแนน
  10. ข้อเสนอต่อผู้ตัดสินสามารถทำได้ในแต่ละนัดเท่านั้น เมื่อเกมเท่านั้น เมื่อเกมนั้นจบลงจะไม่มีการประท้วงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง ผู้เล่นทุกคนต้องระวังการละเมิดกฎของฝ่ายตรงข้าม มาตรฐานลูกเปตอง เป็นต้น ประวัติ เปตอง และ กติกา
  11. ระหว่างการจับฉลากและประกาศผลสลาก ผู้เล่นทุกคนจะต้องอยู่ที่โต๊ะบริหาร หลังประกาศผล 15 นาที ทีมที่ไม่ได้ลงสนามเสีย 1 แต้มให้ฝ่ายตรงข้าม
  12. หากเกินกำหนดเวลา 15 นาที การปรับคะแนนจะถูกคูณด้วย 1 คะแนนทุกๆ 5 นาที
  13. บทลงโทษตามมาตรา 32 จะมีผลบังคับใช้หลังจากการประกาศเริ่มการแข่งขันแต่ละนัด
  14. หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงหลังจากการประกาศเกม ทีมที่ยังไม่ได้เล่นจะถูกตัดสิทธิ์เป็นผู้แพ้ในเกมนั้น
  15. ทีมที่มีผู้เล่นน้อยกว่าจะต้องเล่นเกมตามเวลาที่กำหนดโดยไม่ต้องรอสมาชิกในทีมที่มาสายและจะเล่นตามจำนวนลูกเปตองที่ผู้เล่นมีสิทธิ์ได้รับเท่านั้น (ขึ้นอยู่กับประเภทการแข่งขัน)
  16. เมื่อการแข่งขันในทริปนั้นเริ่มขึ้นแล้ว ผู้เล่นที่มาสายจะไม่มีสิทธิ์เล่นทริปนั้น แต่อนุญาตให้เล่นได้ในทริปหน้า
  17. เมื่อเล่นเกมเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้ว ผู้เล่นที่มาสายจะถูกตัดสิทธิ์จากการเล่นเกมนั้น
  18. หากการแข่งขันถูกแบ่งออกเป็นสตริง ผู้เล่นที่ล่าช้าจะได้รับอนุญาตให้เล่นในเกมที่ 2 ไม่ว่าผลการแข่งขันของเกมแรกจะแพ้หรือชนะก็ตาม
  19. หากทีมที่มีผู้เล่นไม่ครบจำนวนชนะการแข่งขันในเกมนั้น ผู้เล่นที่ช้ากว่าจะได้รับอนุญาตให้แข่งขันในเกมถัดไป แต่ต้องเป็นผู้เล่นของทีมนั้นและต้องมีชื่อที่ถูกต้องในการสมัคร
  20. การแข่งขันแต่ละนัดจะถือว่าเริ่มต้นได้ก็ต่อเมื่อบอลเป้าหมายถูกโยนลงสนามนั้น ได้ตำแหน่งที่ถูกต้องตามกฎ

บทความที่เกี่ยวข้อง